Powered By Blogger

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

หลวงปู่ดู่สร้างพระพรหม

หลวงปู่ดู่สร้างพระพรหม 

โดยท่านสร้างเป็นรูปพระพรหม ๔ หน้า แต่ที่แปลกไปคือ พระพุทธเจ้าอยู่บนเศียรพระพรหม บางท่านที่มาใหม่อาจจะมีข้อสงสัยว่า พระทำไมไหว้พรหม เพราะลัทธิพราหมณ์ถือพรหมเป็นใหญ่ โดยเชื่อกันว่า พรหมเป็นผู้สร้างโลก ลิขิตชีวิตมนุษย์ ที่เรียกว่าพรหมลิขิตนั่นเอง
หลวงปู่ได้อนุญาตให้ผู้เขียนสร้างพระพรหมปางนี้ ซึ่งมีในหลักพระพุทธศาสนา โดยหลวงปู่ท่านเล่าว่า..

มีในพาหุง (ชัยมงคลคาถาบทที่ ๘) เป็นปางที่พระพุทธเจ้าไปปราบทิฐิของท้าวผกาพรหม เพราะท่านถือว่าตนเองเป็นใหญ่ที่สุด พระพุทธเจ้าใช้อำนาจฤทธิ์โดยการซ่อนหา ไม่ว่าพรหมจะไปซ่อนอยู่ที่ไหน แม้กระทั่งเม็ดทราย พระพุทธองค์ก็ทรงหาพบ แต่ถึงคราวพระพุทธองค์ซ่อนบ้าง พรหมกลับหาไม่พบ เพราะพระพุทธองค์เสด็จไปซ่อนอยู่บนศีรษะของพรหม พรหมจึงต้องยอมแพ้ต่อพระพุทธเจ้าในที่สุด เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้ฟัง พรหมนั้นก็ได้สำเร็จโสดาปัตติผลกลายเป็น "พระพรหม" ไม่ใช่ "พรหม" เฉยๆ

การสร้างปางโปรดท้าวผกาพรหม ย่อมแสดงว่าพระพุทธเจ้าอยู่สูงกว่าพรหมอย่างแน่นอน ช่างได้ทำการปั้นโดยใช้ปูนปั้นผสมด้วยผงพุทธคุณและเกศาหลวงปู่ ส่วนองค์พระบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุเอาไว้ด้วย

ในขณะที่ปั้นอยู่หลวงปู่ได้ให้ลูกศิษย์ถามหลวงปู่ทวดว่า เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีคนมานมัสการและปฏิบัติกันพวกลูกศิษย์ลูกหาจะมาอีกมากใช่ไหม
หลวงปู่ตอบว่า "ใช่"
พอปั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้นำมาถวายหลวงปู่ แต่เนื่องจากหนักมาก การเคลื่อนย้ายจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เมื่อมาถึงวัด หลวงปู่กำลังนั่งอยู่ที่กุฏิ สักพักท่านคงเห็นใจเพราะยกกันไม่ไหว ท่านจึงเดินมาที่ประตูทางเข้า แล้วบอกว่า
"เอ้า...ยกใหม่"
ผู้เขียนตอบท่านว่า "ไม่ไหวหรอกครับ ๘ คนยังไม่ไหวเลย"
ท่านจึงสำทับอีกว่า "บอกให้ยกขึ้น"
พวกเราจึงจำใจต้องยกกัน ในใจของผู้เขียนคิดว่า อย่างไรคงไปไม่ไหวแน่ แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์คือ หลวงปู่เพียงแต่เอามือเข้าไปรองฐานพระพรหมไว้เท่านั้น พวกเรากลับยกกันได้อย่างสะดวก มีความรู้สึกว่าเบามาก พวกที่ยกข้างหน้าก็คิดว่ากินแรงข้างหลัง พวกข้างหลังก็คิดว่ากินแรงข้างหน้า พอไปถึงหน้ากุฏิท่านเอามือออก ทีนี้รีบวางแทบไม่ทันเพราะหนัก หลายคนในที่นั้นโจษกันว่า หลวงปู่คงทำให้เบา จนหลวงปู่ได้ยิน ท่านจึงรีบพูดขึ้นว่า "อย่าพูดไป เดี๋ยวดัง" เลยต้องเงียบ แต่ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่า เพราะบารมีท่านนั่นเอง

"พรหม" หมายถึงผู้มีนามว่า "ท้าวผกา" มีฤทธิ์และสำคัญตนว่าเป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์ มีทิฏฐิที่ถือผิดรัดรึงอยู่อย่างแน่นแฟ้น องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ด้วยวิธีเทศนาญาณ ด้วยเดชะอันนี้ ซึ่งหลวงปู่ดู่ซาบซึ้งในบทพระพุทธ มนต์บทนี้ จึงจัดสร้าง "พระเหนือพรหม" ขึ้น

เพราะฉะนั้นจะมีวัตถุมงคลพระเหนือพรหมหรือไม่นั้นพึ่งใช้พรหมวิหาร4 หรือ พรหมวิหารธรรม เป็นหลักธรรมประจำใจเพื่อให้ตนดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์เฉกเช่นพรหม เป็นแนวธรรมปฏิบัติของผู้ที่ปกครอง และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ประกอบด้วยหลักปฏิบัติ 4 ประการ ได้แก่

#เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข มีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้า

#กรุณา คือ ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ ใฝ่ใจในอันจะปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของปวงสัตว์

#มุทิตา คือ ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง ประกอบด้วยอาการแช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ ต่อสัตว์ทั้งหลายผู้ดำรงในปกติสุข พลอยยินดีด้วยเมื่อเขาได้ดีมีสุข เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป

#อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา คือมีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรมดุจตาชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง พิจารณาเห็นกรรมที่สัตว์ทั้งหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรแก่เหตุอันตนประกอบ พร้อมที่จะวินิจฉัยและปฏิบัติไปตามธรรม รวมทั้งรู้จักวางเฉยสงบใจมองดู ในเมื่อไม่มีกิจที่ควรทำ เพราะเขารับผิดชอบตนได้ดีแล้ว เขาสมควรรับผิดชอบตนเอง หรือเขาควรได้รับผลอันสมกับความรับผิดชอบของตนจึงจะถือว่าผู้นั้นมีพรหมประจำใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น