Powered By Blogger

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

เพลงเสรี ขอพร เป็นอีก1เพลงที่เป็นคาถาจริงๆ

เพลงเสรี ขอพร เป็นอีก1เพลงที่เป็นคาถาจริงๆ

สวัสดีครับลูกศิษย์ทุกท่านวันนี้ผม อ.เอก ธนกร สำนักสักยันต์ตำหนักปู่ฤาษี 108 จะมาเล่าเรื่อง เพลงที่มีเนื้อความเชื่อมโยงถึงพระคาถาเวทมนต์ เพลงๆนี้ คือ" เพลงเสรี ขอพร "

หลายๆคนเปิดเพลงฟังแล้วนึกถามผมว่า ไม่เห็นมีคาถาเลยในเพลง มีแต่ชื่อพระเกจิอาจารย์และปู่ฤาษี ผมก็จะบอกว่า นั้นแหละคือ คาถา แต่เป็นคาถาแบบที่ไม่ใช่ภาษาบาลี แต่เป็นการอ้อนวอนขอพลังจากสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นมงคล คุณรู้หรือไม่ว่าเพลงนี้ใครเป็นคนแต่งเนื้อเพลง "พยัพ คำพันธุ์ " นักเลงพระ รอบรู้เรื่องพระเก่า พระดังเป็นอย่างดี เป็นผู้แต่งเพลงนี้

เพลงนี้จะเป็นคาถาได้ก็เมื่อเรานึกถึงพระเกจิในเพลงตามไปด้วยในขณะร้องเพลงหรือฟังเพลงนี้ ง่ายๆแค่นี้ก็จะเป็นพลังมงคลที่จะมาสู่ตัวเราได้ครับ หลักการนี้เป็นหลักการของพลังบวกที่ต่างชาติค้นพบว่าคิดดีพูดดีทำดีก็จะดึ่งดูดสิ่งดีๆเข้ามาสู่ตัวเรา

อย่างนี้นะลองเปิดเพลงนี้ฟังดูนะแล้วจะเข้าใจว่าทำไม่ดีเจ เฮ้ย!!ไม่ใช่!!! อาจารย์ถึงบอกว่าเป็นคาถา!!!

สุดท้ายนี้ก็ขอให้ติดตามอ่านบทความดีๆแบบนี้ต่อไปนะครับ



https://www.youtube.com/watch?v=IGTDYGxlNOk

เพลงคาถามหานิยม เป็นคาถาจริงๆ เชื่อหรือไม่

เพลงคาถามหานิยม เป็นคาถาจริงๆ เชื่อหรือไม่

สวัสดีครับลูกศิษย์ทุกท่านวันนี้ผม อ.เอก ธนกร สำนักสักยันต์ตำหนักปู่ฤาษี 108 จะมาเล่าเรื่อง เพลงที่มีเนื้อความเชื่อมโยงถึงพระคาถาเวทมนต์ เพลงๆนี้" เพลงคาถามหานิยม " คุณเชื่อหรือเปล่าว่าเพลงนี้มีคาถามหาละลวย คิอ คาถานะเมตตาชั้นสูงซ่อนอยู่ในเนื้อเพลง ถ้าผู้ที่ร้องเพลงนี้กำหนดจิตตอนร้องเพลงนี้ในท่อนคาถา ดังนี้


*** กำหนดจิตตั้งแต่ท่องนี้ ก่อนขึ้นเวทีหรือร้องเพลงให้ท่องนะโม3จบนึกถึงพระรัตนะตรัยและบิดามารดาก่อน

" โอม จะเป่าคาถา มหาระรวย
ดลหัวใจคนสวย ให้มาหลงเสน่ห์
ทั้งสาวใหญ่ สาวเล็ก ทั้งนางเอกลิเก
ทั้งแม่ค้าหาบเร่ ทั้งที่อยู่โรงงาน
โอม จะเสกคาถา ลงน่ะหน้าท้อง
ให้ฉันมีชื่อก้อง อยู่ทั่วทุกมุมบ้าน
อย่าให้ต้องอกหัก ให้คนรักนานนาน
เป็นขวัญใจชาวบ้าน ทั่วถิ่นฐานเมืองไทย
ภาวนา ท่องคาถาทั้งปี
พบคนใจดี แล้วจะไม่มีแฟนใหม่
ผลบุญ เกื้อหนุนนำใจ
ถ้าปองรักใคร แล้วขออย่าให้เบื่อเรา" ***

****(พอถึงท่อนล่างนี้ไม่ต้องกำหนดจิต)****
โอม ว่าเป่าคาถามหาอะไร
แฟนผมมีรักใหม่ สิ้นสดใส แสนเศร้า
มัวหลงเชื่ออาจารย์ คิดว่าท่านช่วยเรา
ผมก็เลยต้องเศร้า เลยเลิกเป่าคาถา

โอม ว่าเป่าคาถามหาอะไร
แฟนผมมีรักใหม่ สิ้นสดใส แสนเศร้า
มัวหลงเชื่ออาจารย์ คิดว่าท่านช่วยเรา
ผมก็เลยต้องเศร้า เลยเลิกเป่าคาถา

>>>รับรองว่าร้องที่ไหน หรือ นำมาสวดก็จะเป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย เดี๋ยวครั้งหน้าผมก็จะเอาเรื่องเพลงมี่มีความเกี่ยวพันกับพระคาถามาเล่าให้ฟังต่อนะครับ อยากรู้เรื่องอะไรถามมานะครับ





วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559

อาบน้ำมนต์ล้างซวย

อาบน้ำมนต์ล้างซวย


สวัสดีครับลูกศิษย์และท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผม อ.เอก ธนกร สำนักสักยันต์ปู่ฤาษี108 ได้นำบทความดีๆมาให้ท่านรู้จักวิชา "อาบน้ำมนต์ล้างซวย" พูดถึงหลายคนที่เวลารู้สึกไม่ค่อยดี ทำอะไรติดขัดตลอดเวลาไปดูดวงกับหลวงพ่อ ท่านมักจะแนะนำให้อาบน้ำมนต์เพื่อเป็นการแก้ความซวยต่างๆ วิชานี้ผมเรียนมา 3 สาย ได้แก่ 1.สายหลวงพ่อสร้อย วัดเลียบราษฎร์บำรุง เรียนจากพระอาจารย์มหาประเสริฐ์ และพระอาจารย์อู๊ด ศิษย์หลวงพ่อสร้อย 2.สายวัดเวฬุวัน เรียนจากพระครูปลัดวินัย อุตตะโม(หลวงน้า) 3.สายวัดสะพานสูง นนทบุรี เรียนจาก หลวงปู่สินธ์ ฐิตาโภ 4.สายปู่ฤาษี เรียนจากการนั่งสมาธิครูท่านมาสอนทางสมาธิ หลังจากที่ผมเรียนมาหลายที่จึงรู้เคล็ดวิชาอย่างหนึ่งว่าการอาบน้ำมนต์นั้นมีคำสอนและอุปมาอยุ๋ในนำ้มนต์คือ "ร้อนตั้งดับด้วยเย็น ไฟตั้งดับด้วยน้ำ" ที่ว่ามีอุปมาคำสอนอยู่นั้นคือ เวลาเรามีเรื่องทุกข์ใจร้อนใจ ให้จงทำสติในเย็นลงแล้วจะมองเป็นทางออกเอง ปัญหาทุกอย่างที่ถาโ๔มจะสามารถผ่านไปได้โดยไม่ยาก

วิธีการทำน้ำมนต์อาบเอง (สามารถทำเองอาบเองได้ทุกวัน)
คาถาที่ใช้มีหลายบทด้วยกันครับวันนี้จะยกมา3บทที่อาบแล้วดีจริง
บทที่1.อิติปิโส ชัยยะมงคลคาถา(คาถาแห่งชัยชนะ)
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติฯ สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ มาราติเร กะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ กัตตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกาวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฉฐะคาถา โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลังฯ ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน เอวัง ตวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะ พุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัมหมะจาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธีเต ปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต (บทนี้ผมว่าหลายคนรู้จักอยู่แล้วครับ บทนี้คือ อิติปิโส พาหุง มหากา บทนี้วิเศษนักเกจิอาจารย์ท่านไม่ว่าจะปลุกเสกเครื่องรางของขลังหรือทำงานมงคลทั้งปวงต้องสวดต้องใช้ทิ้งเสียไม่ได้ ครูบาอาจารย์ที่ผมเรียนมมาทั้งหมดท่านสอนผมว่า พุทธคุณดีที่สุด ) บทที่2.โสฬสมงคล (หลวงปู่เอี่ยม) โสฬะสะมังคะลัญเจวะ นะวะโลกุตตะระธัมมะตา จัตตาโรจะมหาทีปา
ปัญจะพุทธามหามุนี ตรีปิฏะกะธัมมักขันธา ฉะกามาวะจะราตะถา ปัญจะทัสสะกะเวสัจจัง ทะสะมังสีละเมวะจะ เตรัสสะธุตังคาจะ ปาฎิหารัญจะทะวาทัสสะ เอกะเมรุจะ สุราอัฎฐะ ทะเวจันทังสุริยังสัคคา ทะเวจันทังสุริยังสัคคา สัตตะโพชฌังคาเจวะ จุททัสสะจักกะวัตติจะ เอกาทะสะวิสะณุราชา สัพเพเทวามัง ปะลายังตุ สัพพะทาเอเตนะ มังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถี ภะวันตะ เมฯ (บทนี้เวลาอาบให้นำถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงค์ และหลวงปู่เอี่ยมเป็นที่สุด ขอให้ท่านช่วยแก้ความทุกร้อนให้เรา) บทที่3 คาถากันดวงตก (ผมได้จากปู่ฤาษีทางสมาธิ) พุทธัง ธัมมัง สังฆัง คุ้มตัวหนุนดวงข้าพเจ้า (บทนี้สั้นๆ แต่เต็มไปด้วยมงคลสูงสุดคือ พระรัตนะตรัย โบราณท่านว่าเป็นดังแก้วสารพัดนึก) >>>วิธีการอาบน้ำมนต์<<< 1.คุณว่าทำไง!!!ก็แก้ผ้าไง5555 2.อาบโองหรืออาบฝักบัวก็ไม่ต่างกัน ขณะอาบให้ท่องนะโม3จบ จากนั้นก็สวดคาถานที่แนะนำไป3บท อยู่ที่คุณนะว่าจะเลือกบทไหนหรือจะสวดทั้งหมดก็แล้วแต่เลือก 3.ผมว่าต้องมีคนถามแน่นอนว่า มันจะบาปไหมที่เราแก้ผ้าอาบน้ำแล้วสวดมนต์ ตอนนะครับไม่บาปแน่นอนแถมว่าถ้าเราเกิดลื่นสบูล้มหัวฟาดพื้นตายไปหรือหัวใจวายตายขณะแก้ผ้าอาบน้ำสวดมนต์ ยังขึ้นสวรรค์อีกด้วย!!! แหม!!!พิมพ์ซะยาว แต่ก็คุ้มค่านะถ้าลูกศิษย์และผู้อ่านได้เอาไปใช้ประโยชน์ สุดท้ายนี้ที่ต้องการจะรู้สิ่งใดที่ผมพอจะมีความรู้ก็ถามมาได้นะครับยินดีให้คำแนะนำครับ